แม้จะโลดแล่นในวงการบันเทิงมานาน แต่ก็ไม่เคยห็น กิ๊ก มยุริญ ตกเป็นข่าวกับหนุ่มคนไหนไม่ว่าในหรือนอกวงการ ถามเรื่องแต่งงานกี่ครั้งๆ ก็บอว่า ยัง ล่าสุดนี่ก็บอกว่า ไม่แต่งเพราะอยากนิrพาน !! ทำเอาหลายคนเกิดอาการอึ้งไปเลยทีเดียว
กิ๊กไม่อยากแต่งงาน เป็นแบบนี้ก็มีความสุขดี การมีครอบครัวมันเป็นห่วง มีชีวิตแบบนี้ก็แฮปปี้ดีไม่ต้องห่วงใคร ที่บ้านกิ๊กก็ปฏิบัติธรรมกันหมด ทุกคนมีความสุขไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงอะไรกัน พูดตรง ๆ เลยก็คือ กิ๊กอยากหลุดพ้น วันหนึ่งกิ๊กอยากไม่เกิดเหมือนพระพุทธเจ้า ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นชาติไหน แต่กิ๊กหวังว่าต้องมีสักชาติที่กิ๊กนิพพานไม่ต้องมาเกิดเป็นอะไรอีก
ทุกวันนี้กิ๊กถึงได้สะสมบุญไง ทำบุญนี่หวังผลนะคะ มันต้องมีซักชาติที่กิ๊กไม่ได้เกิด การเกิดมันเป็นทุกข์นะคะ เกิดเป็นพรหมก็เป็นทุกข์พอบุญหมดก็มีสิทธิ์ตกนรกเหมือนกัน
กำลังจะบอกว่าการแต่งงานเป็นตัวถ่วงทำให้ไม่พ้นทุกข์
การแต่งงานมันเสียเวลา กิ๊กรู้สึกว่ามันเป็นตัวถ่วงทุกข์ มันเป็นการถ่วงการหลุดพ้นของเรา ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ไม่ว่าชาติไหนๆ กิ๊กก็ไม่อยากแต่งงาน การมีครอบครัวมันเป็นห่วง ไม่งั้นพระพุทธเจ้าคงไม่ตั้งชื่อลูกชายว่าราหุลซึ่งแปลว่าบ่วงได้บังเกิดแล้ว ทุกวันนี้กิ๊กพยายามไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับอะไรที่มันเป็นกิเลส แม้แต่หนังสือก็ไม่ค่อยอ่าน จะอ่านเฉพาะที่เกี่ยวกับงานของเราหรือไม่ก็หนังสือธรรมมะ
นอกจากจะตั้งอกตั้งใจไม่แต่งงานเพื่อตัดกิเลสแล้ว ทุกวันนี้กิ๊กก็ยังฝึกตายก่อนตายจริงอยู่ทุกขณะจิต
กิ๊กปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 19 ตอนนั้นคุณแม่บังคับให้ไปเรียนธรรมมะที่ยุวพุทธิกสมาคม แรก ๆ ก็ไม่อยากไปแต่หลังๆ ปฎิบัติแล้วรู้สึกดี รู้สึกจิตใจละเอียดขึ้น ก็เลยปฏิบัติมาตลอด แต่ถ้าจะบวชคงไม่เอาไม่ใช่ ไม่อยากโกนหัว แต่ภพชาตินี้เราเกิดเป็นผู้หญิงแล้วจะให้ไปบวชเป็นภิกษุณีก็ไม่ได้เพราะสมัยก่อนพระพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้และผู้ที่จะบวชเป็นภิกษุณีได้ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แล้วสมัยนี้จะรู้ได้ไงว่าใครเป็นอรหันต์ ฉะนั้นกิ๊กขอเป็นฆราวาสถือศีล 5 และปฎิบัติธรรมดีกว่า
สิ่งที่กิ๊กฝึกจิตทุกวันนี้เลยก็คือ ฝึกตายก่อนตายจริง พี่เชื่อหรือเปล่าว่าคนเราตายปุ๊บแล้วจิตมันเกิดเลยนะ อาจจะไปเกิดเป็นเทพหรือเป็นสัตว์เดรัจฉานในนรกก็ได้ ต่อให้เราทำบุญมากๆ แต่ถ้าก่อนตายจิตเราไม่สงบมีรักโลภโกรธหลง จิตมันก็จะตกไปนรกก่อนเลยนะ พอหมดทุกข์แล้วค่อยมาเสวยบุญบนสวรรค์
ตรงกันข้ามถ้าเราทำบาปเยอะๆ แต่ถ้าตอนตายมีสติเราก็จะได้ขึ้นไปเสวยบุญบนสวรรค์ก่อน จนบุญหมดค่อยมารับทุกข์ที่นรก ฉะนั้นก่อนที่เราจะตายเราต้องมีสมาธิ
เอ่ยปากเตือนคนอื่นๆ การมีชีวิตเป็นเรื่องที่น่ากลัว สิ่งที่ต้องระวังคืออย่าประมาท
ชีวิตมันน่ากลัวนะอย่าประมาทเชียว ที่เราเกิดมารูปร่างหน้าตาแบบนี้ก็เป็นเพราะกรรมที่เราได้ทำมาเมื่อชาติที่แล้ว ทุกวันนี้กิ๊กทำเหมือนว่าวันนี้เป็นวันตาย อยากทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ อยากให้อะไรใครก็ให้เต็มที่ อยากช่วยใครก็ช่วยให้เต็มที่ เรียกว่าเตรียมตัวตายทุกขณะ ใครที่มีจิตวิปัสนาจะไม่กลัวตาย"
"การเกิดสิน่ากลัว ไม่รู้ว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง
ซ้าธุ
แสดงความคิดเห็น ที่ 1
ใครยังไม่ได้ทำบุญเพียงแค่คิดก็เป็นบุญใจแล้ว
ก็แล้วแต่บุญของใครของมัน ใครคิดได้ทำได้ก็โชคดีไป คนที่คิดไม่ได้ทำไม่ได้ก็น่าสงสารอยู่มาก ยังจมเลนลึกแม้แต่คิดดียังไม่ค่อยปรากฏในห้วงของจิต คนเราเกิดมาสะสมบุญมาไม่เหมือนกัน ดีใจที่อ่านพบคนที่เห็นตามมยุริน เป็นส่วนมาก ข้าพเจ้าก็มีความคิดเช่น มยุริน เหมือนกัน จิตมันเป็นไปเองของมัน เพียงแต่เราทำบุญและมองโลกในแง่ดี ไม่รังเกียจเดียดฉันผู้ใด ไม่จองกรรมจองเวรกับผู้ใด วางเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไปฝึกไปเรื่อยๆ คือระงับโกรธโดยการให้เมตตา จะโกรธใครก็ให้เข้าใจว่านี่แหละคือตัวกิเลสของมนุษย์ ไปโกรธทำไมไม่ได้ประโยชน์ ตราบใดที่ยังอยู่ในโลกของมนุษย์ก็จะต้องพบเจอทั้งสิ่งที่อยากพบและไม่อยากพบแต่เราก็หลีกไม่พ้นที่ว่าจะไม่เจอมันก็ต้องเจอ เพราะไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้ต้องอยู่รวมกับคนอื่นๆด้วย ต้องมีความอดทนไม่ติดใจไม่ใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องให้จิตเศร้าหมองโดยเปล่าประโยชน์ ฝึกหัดคิดดีก็จะติดเป็นนิสัยไปเอง อย่างเช่นพบเห็นคนใจดีมีน้ำใจจริงๆอุปนิสัยของแต่ละคนที่แท้จริงแล้วติดมาตั้งแต่กำเนิด เคยมีนิสัยใจคออย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงได้ยากเพราะอาจจะฝังลึกมาหลายภพหลายชาติแล้วเปลียนแปลงยาก คนที่ทำดีมาตลอดกะจะคิดทำชั่วอย่างเช่นคิดจะฆ่าคนที่ตนโกรธมากๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จจนหายโกรธไปเองและเลิกล้มความคิดนั้นไปเอง ทั้งนี้เป็นเพราะว่าบุคลผู้นี้มีกำลังบุญหรือพลังความดีมีมากกว่า กำลังความชั่วมีน้อยเลยทำความชั่วไม่สำเร็จ และก็ตรงกันข้ามเหมือนกันคนที่ไม่มีบุญเลยคือไม่เคยสะสมบุญมีแต่ทำความไม่ดีมาตลอดคิดจะทำความดีบ้างยังไม่สำเร็จเลย ถ้าผู้อ่านท่านใดจะลองสังเกตุดูเองก็ได้เป้นอย่างนั้นจริงๆ เราจึงไม่ควรตำหนิใครเพราะกำลังบุญของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนดวงตกถึงที่สุดแล้วไม่รอดแน่คราวนี้ แต่นึกถึงบุญกุศลที่เคยปฏิบัติมาพลังความดีที่เคยสะสมมาช่วยได้อย่างปาฏิหารย์ เขาเรียกคนมีบุญเพราะทำบุญมาตลอดอาจจะหลายภพหลายชาติแล้วก็ได้บาปจึงไม่มีโอกาสโผล่ แต่หลายคนไม่เข้าใจและน้อยใจตัวเองที่ชาตินี้ทำแต่ความดีมาตลอดแต่ทำไมไม่โชคดีเลย ทำดีกับคนก็ผิดหวังไม่เห็นได้ดีเลยเลิกทำดีดีกว่า ที่ไม่สมหวังนั้นก็อาจมีหลายสาเหตุ บางครั้งก็เป็นเรื่องของกรรมเก่าบ้างเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์บ้าง อาจจะพ่อแม่พี่น้องทำไม่ดีเอาไว้มีคนจองเวร กรรมก็ตกถึงลูกหลาน มันเป็นเรื่องซับซ้อนและละเอียดมาก พระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงรู้ละเอียดหมดทุกอย่างในทั้งสามโลก ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณต่อมวลหมู่เทวดา มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็เป็นเพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บและจะต้องตายเหมือนกันกับท่านทั้งหลายที่อ่านเวปนี้ขอให้ทุกหมู่มวลมนุษย์สัตว์ทั้งหลายจงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้มีความสุขสมปรารถนาทุกคนเทอญ สาธุๆๆๆๆ
แสดงความคิดเห็น ที่ 2
อนุโมทนากับคุณกิ๊กด้วยนะคะ
งามทั้งกายทั้งใจเลยคุณกิ๊กเนี่ย
แต่เรื่องทางโลกน่ะ
ถึงจะมีครอบครัวก็ปฏิบัติธรรมได้นะคะ
ดูอย่างนางวิสาขาสิคะ
ท่านก็บรรลุโสดาบันตั้งแต่เด็ก
พอถึงวัยท่านก็ออกเรือนมีลูกมีหลานมากมาย
เรื่องครอบครัวไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมหรอกค่ะ
แต่ถ้าไม่มีก็ดีไปเลยนะคะ ตัวคนเดียว
แต่ถ้าดวงเราต้องมีก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรนะคะ
แสดงความคิดเห็น ที่ 3
ดิฉันเป็นคนหนึ่ง ที่ชอบเกี่ยวกับธรรมะ ตอนนี้พยายาม
สร้างครอบครัว ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์คุณกิ๊ก แต่
ดิฉันใช้ธรรมะในการเลี้ยงลูกที่ดี และสามี ด้วยค่ะ
บางครั้ง เราต้องมองถึงความจริง ที่ว่า คนเราเกิดมา
เพื่อที่จะเป็นแม่ เป็นลูก เป็นพ่อ ....................
ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ และใช้ธรรมะให้เกิดประโยชน์
แต่ประทับใจคุณกิ๊ก และหลายๆ คน ถ้ามีโอกาส
อยากลองฝึก ระดับจิต ตัวเองดูบ้าง......
เพราะตอนนี้ ดิฉันใช้ธรรมะสากล มาฝึกอธิษฐาน
อยู่เป็นประจำค่ะ แต่บางครั้งคนเราก็ว่าแหล่ะ
บางทีก็หลุด คือโกรธง่าย ตอนนี้กำลังฝึก
ใช้กับสามี ใช้ได้ดีมาก เมื่อเกิด......ความโกรธ...
ฉันใช้ปัญญา ระงับความโกรธได้ (คิดสิว่าเรา
โกรธแล้ว ไม่ดีเลย ใจเย็นๆ และทำให้อภัยเขาได้
และต่อนี้ไปก็ไม่เกิดความโกรธอีกเลย............ได้ผลดีมากๆ
อยากให้ทุกๆๆ คนลองฝึกดู
รักทุกๆ คน ขอให้มีความสุขค่ะ
ต้นน้ำ
แสดงความคิดเห็น ที่ 4
น่าดีใจ ดิฉันฟังแล้วรู้สึกว่าได้รสพระธรรมมากขึ้น
เห็นด้วยกับคุณกิ๊ก กับการปฏิบัติ ธรรมตลอด รับรอง
ดีต่อตัวเอง ถึงตัวเราไม่อยู่ แต่แน่นอนทางวิญญาณ
หรือจิตของเรานั่นเอง ไปในทางที่ถูกที่ควรไป ......
จิตและวิญญาณเขาจะได้ไปที่แดนสวรรค์
เขาไปอยู่กับพระเจ้า.....พระบิดาของเรา หรือ
พระพุทธเจ้าองค์เดียวกันล่ะ ต่างแค่พื้นที่ สภาพ
แสดงความคิดเห็น ที่ 5
หากยังไม่เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาที่แท้จริงคืออะไร, หากยังไม่มีปัญญาจะแยกความแตกต่างระหว่างสมถะกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน, หากยังไม่รู้จักว่าทางสายกลางที่แท้จริงคืออะไร, หากยังไม่เคยศึกษาและไม่เคยปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างถูกต้อง ขอแนะนำให้เก็บความคิดเห็นที่เป็นอกุศลไว้ในใจเพราะจะได้ผิดแค่มโนกรรม หากเราคิดไม่เหมือนคนอื่นก็อย่าไปคาดว่าคนอื่นจะต้องคิดเหมือนเรา เพราะระดับปัญญาแต่ละคนไม่เท่ากัน (ปัญญา คือ ความรู้ถูกรู้ผิด) และขอเสริมว่าการเป็นฆราวาสนั้นย่อมต้องประกอบอาชีพสุจริตเพื่อหาเลี้ยงชีพเพราะนั่นคือหน้าที่ การปฏิบัติธรรมอยู่ที่กายเรา มนุษย์เกิดมามีกายนี้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติธรรม ธรรมะปฏิบัติได้ทุกที่ในชีวิตประจำวันหากเข้าใจวิธีการ ศึกษากันได้ตามสถานปฏิบัติธรรมต่างๆ
ขออนุโมทนากับทุกท่านที่คิดดีทำดี และขอแผ่เมตตาให้กับทุกท่านที่ยังอยู่ในด้านมืดทุกท่าน ขอให้ท่านมีปัญญาสว่างไสวขึ้นสักวันหนึ่งเทอญ...สาธุ
แสดงความคิดเห็น ที่ 6
เป็นเรื่องจริงที่คุณกิ๊กพูดนะคะ สติสำคัญที่สุดเมื่อใกล้ตาย ความจริงแล้ว ที่คนเราทำความดีมากๆ ก็เพื่อว่า จิตจะได้ระลึกสิ่งดีๆ เป็นปกติ แล้ว เมื่อถึงยามที่ทุกข์ที่สุด แล้ว จะยึดความดีที่กระทำนั้นนำไปสู่สุคติได้ และที่ว่าการเกิดเป็นทุกข์นี่เรื่องจริงนะคะ มีใครบ้างคะ ในชีวิตปุถุชนที่ไม่มีทุกข์เลย แล้วมีใครบ้างคะ ที่ไม่ยอมรับว่าร่างกายมนุษย์จริงๆ แล้วนั้นสกปรก คิดดูสิคะ เสื้อผ้า คุณไม่ใส่ มันก็สะอาดดีอยู่หรอก พอคุณใส่มันเสียแล้ว มันก็เริ่มสกปรก เมื่อถอดจากกายต้องรีบซักล้าง สิ่งของอะไรก็ตาม ถ้ายังไม่ผ่านมือมนุษย์ถือว่ายังใหม่ ยังสะอาด พอมือคนเข้าไปแต่จับต้องกลายเป็นของใช้แล้ว มีความสกปรกไปทันที กลายเป็นว่า ร่างกายของเรานั้นเองที่เป็นแหล่งรวมความสกปรก แต่ว่า รูปโฉมภายนอกบดบังไว้ด้วยการปรุงแต่งให้งดงาม จริงๆ ถ้าถามใจตนเองก็ชอบความสวยความงาม แต่ถ้าให้ใช้สมองลองคิดก็ต้องยอมรับว่า ร่างกายคนนี่ไม่สวยเลย หลายครั้งที่ตอบคำถามไม่ได้ว่าต้องการไปทิศใดกันแน่ แต่ผลสุดท้ายของทุกคนทุกชีวิตเหมือนกันนะคะ เหมือนกันกับที่ทุกคนกลัวความตายอยากอายุยืนยาวแต่กลับกลัวแก่นั่นแหละ ชีวิตมักสับสนเสมอระหว่าง สมองกับอารมณ์ จิตกับปัญญา ผู้ที่ฝึกจิตดีแล้วย่อมมีปัญญาในที่สุดนะคะ ยินดีกับคุณกิ๊กและหลายๆ ท่านในที่นี้นะคะที่ใส่ใจปฏิบัติตน อยากฝึกตนให้ยิ่งยวดเหมือนกันคะ แต่(มีแต่อีกแล้ว)จิตที่ดื้อเหมือนลิงนี่สิคะ ต้องถูกตีบ้างแล้ว
ดอกหญ้า
แสดงความคิดเห็น ที่ 7
อนุโมทนากับคุณกิ๊กค่ะ และอยากให้คนที่เข้ามาอ่านทุกคนที่ยังไม่เคยปฏิบัติธรรม ลองไปทำดู และจะรู้ว่าเป็นยังไง ของอย่างนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องงมงาย จริง ๆ แล้วเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นปรมัตถ์ (สัจธรรม) เหมือนการเริ่มทดลองอะไรบางอย่าง แล้วรอดูผลว่าจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญ ไม่ใช่สมาธิ แต่คือ จิตที่จะได้รับการยกระดับให้สะอาด และบริสุทธิ์ ขึ้น สิ่งที่คุณกิ๊กหวัง ไม่ใช่เรื่องเกินตัว และเมื่อเริ่มออกเดินทางแล้วก็จะต้องไปถึงที่หมายในสักวัน ขอให้ได้สมปรารถนานะ สาธุ สาธุ สาธุ
ลูกโยคีคนหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น ที่ 8
คิดอยากออกจากกองทุกข์สารพัดรูปแบบ ความสุขของมนุษย์เป็นความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น ชั่วประเดียวประด๋าว สุขปนทุกข์ หิวต่างๆไม่ได้เสพก็เป็นทุกข์ หิวอย่างอื่นพอทนไหว แต่หิวอาหารนี่ซิ ไม่ได้กิน นานติดต่อกันหลายวันต้องตายแน่ๆ คือหิวตาย ความหิวที่อันตรายที่สุดก็คือ หิวอากาศ จำต้องเสพอยู่ตลอดเวลา รองลงมาก็คือน้ำ ยังไม่ตายง่ายเท่ากับหิวอากาศ ขาดอากาศไม่ได้ ใครกั้นหายใจได้ถึง 1 นาทีว่าเก่งที่สุด คนเราแค่โกรธ ไม่พอใจ ไม่สมหวังก็เป็นทุกข์แล้ว คนที่รักตายจากก็เป็นทุกข์อักโขแล้ว ลูกรักทำให้ผิดหวังก็เป็นทุกข์ ใครว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม มันก็งามอยู่ถ้ามันคงรูปเดิมของมันไว้ ถ้ามันไม่มีอะไรมากระทบมันก็ไม่เป็นทุกข์อะไร หมายถึงว่าถ้าตัวเชื่อมของความรักมันคงรูปไว้ไม่เปลี่ยนแปลง มันก็จะไม่เป็นทุกข์อะไร ความรักของสามีภรรยาพ่อแม่พี่น้องลูกหลานปู่ย่าตายาย คือไม่มีใคร เจ็บ ใครตาย ใครป่วย ใครแก่ตาย หรือ ความรักของสามี ถ้าใครคนใดคนหนึ่งไม่ตัดใยรักให้ขาดสบั้นหั่นแหลก มันก็จะไม่เกิดความทุกข์อะไรมันก็จะดีงามหอมหวานอยู่เช่นนั้น ความรักอาจจะยั่งยืนถ้าตัวเชื่อมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทีนี้ไม่มีตัวเชื่อมตัวไหนที่ว่าจะยั่งยืนสักตัว มันเปลียนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่มีใครมาสกัดกั้นให้มันอยู่คงเดิมได้ รักโลภ โกรธ หลง มันคือความทุกข์ สรุปแล้วจะต้องมีมันทำไม เราหาทางหนีให้พ้นดีกว่า โดยที่ไม่เกิดอีก ไม่ต้องมามีอารมณ์ทุกข์เหล่านี้อีก
พิจารณ์
แสดงความคิดเห็น ที่ 9
ไม่ต้องบวช ไม่ต้องไปวัด ก็ปฏิบัติธรรมได้
เจริญสติปัฏฐาน๔ ถ้าบรรลุโสดาบัน ไม่ว่าหญิงชาย
ก็ไม่ต้องเกิดที่ต่ำกว่ามนุษย์
บางคนอาจจะเห็นเป็นเรื่องแปลก นั่นเป็นเพราะสมัยนี้
คนไม่มีศาสนามีมาก ขอให้มีใจหนักแน่น อย่าไปเข้าวัด
เมื่อแก่ ไปตอนนั้นก็สายไปซะแล้ว ทำตอนหนุ่มสาวนี้แหละ
มรณานุสสติ ทำให้เป็นคนไม่ประมาทครับ
ขออนุโมทนา ครับ _/|\_
แสดงความคิดเห็น ที่ 10
มนุษย์ ตามองเห็น สัมผัสได้ว่าใครต้องเสวยวิบากกรรมจากอำนาจของ โลภะ โทสะ โมหะ อย่างไรบ้าง
-เปรต คนมีโลภะมากมาเกิด จึงเป็นอยู่ลำบาก
-อสูรกาย คนมีโทสะมากมาเกิด จึงมีรูปร่างแปลกประหลาด
-สัตว์เดรัจฉาน คนมีโมหะมากมาเกิด จึงโง่ ไม่มีปัญญา
ดังนั้น ทุกคนในที่นี่จึงแตกต่างกัน ทั้งร่างกาย และความคิด
คนรู้ตามธรรมมีน้อย
เก็บตกจากข่าวหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ขอนุโมทนาทุกท่าน "ชาวดิน"