
น้ำพุร้อน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวThe Strokkur Geyser สามารถพุ่งขึ้นสู่งถึง 180 เมตร

ประธานาธิบดี นาย Olafur Grimsson, President of Iceland and Beth

บ้านที่อยู่ของประจำตำแหน่งของ ประธานาธิบดี ของไอซ์แลนด์

รูปเมืองหลวง Reykjavik of Iceland มีประชากร 280.000 สองแสนแปดหมื่นคน
คนไทย 751 คน เป็นประเทศทำการประมงจับปลา ถือได้ว่าเป็นประเทศที่ รวยประเทศหนึ่ง

เป็นสถานที่ตั้งสถาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกThingvellier ค.ศ 930

Thingvellier Lake ทะเลสาบที่ใหญ่แห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์

เป็นท่าเรื่องประมงท่าหนึ่ง Fishing Boats in Harbor
The Blue Lagoon เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติบ่อน้ำแร่ ที่ขึ้นชื่อที่สุดของไอซ์แลนด์
ที่ตั้ง สาธารณรัฐไอซ์แลนด์เป็นเกาะอยู่ใต้เส้นอาร์กติก เซอร์เคิล (Arctic Circle) ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะกรีนแลนด์ทางทิศตะวันตกของนอร์เวย์และทางทิศเหนือของสกอตแลนด์
ขนาด 103,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 39,769 ตารางไมล์
ภูมิอากาศ ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ในเขตโอเชียนิก (Oceanic Zone) มีฤดูร้อนที่สั้นและเย็น มีฤดูหนาวที่ยาวนานแต่ไม่หนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมเดือนที่ร้อนที่สุดประมาณ 11 องศาเซลเซียส และในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนที่หนาวที่สุดประมาณ -1 องศาเซลเซียล ไอซ์แลนด์มีน้ำพุร้อนและมีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่านจึงทำให้ไม่หนาวจนเกินไปและโดยที่ไอซ์แลนด์มีพื้นที่ไม่กว้างใหญ่นัก อุณหภูมิภายในประเทศจึงไม่แตกต่างกันมาก
ประชากร ประมาณ 280,000 คน
เมืองหลวง กรุงเรคยาวิก (Reykjavik)
ภาษา ไอซ์แลนดิก (Icelandic) เป็นภาษาราชการ
ศาสนา ประชาชนส่วนใหญ่ (93 %) นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย Evangelical Lutheran Church
มาตราวัด ใช้ระบบเมตริก
เงินตรา ใช้สกุลเงินโครนไอซ์แลนด์ (Icelandic Kronur - ISK) โดย 100 aurar = 1 Icelandic Kronur อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 72 โครนไอซ์แลนด์ และ 1 โครนไอซ์แลนด์ ประมาณ 0.60 บาท
การปกครอง ระบบประชาธิปไตย (สาธารณรัฐ) โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 เขต โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ (อยู่ในตำแหน่งวาระละ 4 ปีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง) และประธานาธิบดี จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีขึ้นบริหารประเทศโดยรับผิดชอบอำนาจบริหารร่วมกัน ส่วนอำนาจนิติบัญญัตินั้นมี Althingi (รัฐสภา) เป็นสภาเดียว ประกอบด้วยสมาชิกสภา 63 คน ซึ่งได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งวาระ 4 ปี
ประธานาธิบดี นาย Olafur Ragnar Grimsson (1 สิงหาคม ค.ศ. 1996)
นายกรัฐมนตรี นาย Halldor Asgrimsson (ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547)
รัฐมนตรีต่างประเทศ นาย David Oddsson (ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 8.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้ประชาชาติต่อหัว 30,200 ดอลลาร์สหรัฐ
อัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 5.2
อัตราการว่างงาน ร้อยละ 2.8 (จำนวนแรงงาน 159,000 คน)
งบประมาณ เกินดุล 0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้/รายจ่าย 3.5 และ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดุลการค้า เกินดุล 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า/ส่งออก 2 และ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หนี้ต่างประเทศ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศคู่ค้า นอร์เวย์ เยอรมนี เดนมาร์ก สวีเดน สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส สหรัฐฯ สเปน และสวิตเซอร์แลนด์
สินค้าเข้า เครื่องจักร อุปกรณ์การขนส่ง อาหาร สัตว์มีชีวิต
สินค้าออก ปลาทะเล ผลิตภัณฑ์จากประมง ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและเกษตรกรรม
ไอซ์แลนด์ได้รับเอกราชเมื่อปี 2452 (ค.ศ. 1919) แต่อยู่ภายใต้ราชวงศ์เดนมาร์ก (under the Danish crown) และต่อมาประชาชนไอซ์แลนด์ได้ลงคะแนนเสียงให้ไอซ์แลนด์เป็นสาธารณรัฐเมื่อวันที่17 มิถุนายน 2487 (ค.ศ.1944)
การเมืองภายในประเทศ 1. การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 8เมษายน 2543 (ค.ศ.1999) ผลปรากฏว่าพรรค Independence ของนายกรัฐมนตรี David Oddsson ได้รับเสียงมากที่สุด โดยได้ที่นั่งในสภา 26 ที่นั่งจาก 63 ที่นั่ง พรรคProgressive มาเป็นอันดับสอง ได้ 12 ที่นั่ง สำหรับการจัดตั้งรัฐบาล พรรคIndependence ร่วมกับพรรค Progressive จัดตั้งรัฐบาลผสมเสียงข้างมากในสภาโดยนาย David Oddsson ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนาย Halldor Asgrimssonหัวหน้าพรรคก้าวหน้า (PP) ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าต่างประเทศ
2. การเลือกตั้งทั่วไปล่าสุดมีขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2546 (ค.ศ.2003) เป็นไปตามวาระปกติ ผลปรากฏว่า พรรค Independence ของนายกรัฐมนตรี David Oddsson ยังคงได้รับเสียงมากที่สุดโดยได้ที่นั่งในสภา 22 ที่นั่ง พรรค Progressive มาเป็นอันดับที่สามได้ 12 ที่นั่ง ทั้งนี้พรรค Independence ยังเป็นแกนนำโดยร่วมกับพรรค Progressive จัดตั้งรัฐบาลผสมโดยสนับสนุนนาย David Oddsson ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และนาย Halldor Asgrimsson ยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นการจัดตั้ง รัฐบาลสมัยที่ 4 ของนายกรัฐมนตรี David Oddsson นับตั้งแต่ปี 2534 (ค.ศ.1991)
3. สำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งอยู่ในสถานะที่เป็นประมุขของประเทศ ปรากฏว่า นาย Olafur Ragnar Grimsson ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน นาง Vigdis Finnbogadottir และนาย Grimsson เข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2539 (ค.ศ.1996)
4. การเลือกตั้งประธานาธิบดีไอซ์แลนด์ปี 2547 (ค.ศ.2004)
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2547 ได้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีไอซ์แลนด์ ซึ่งมีขึ้นตามวาระปกติ ผลปรากฏว่า นาย Olafur Ragnar Grimsson ประธานาธิบดีไอซ์แลนด์ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 โดยได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 67.5 ขณะที่ผู้สมัครอีก 2 คน คือ นาย Baldur Agustsson และนาย Asthor Magnusson ผู้สมัครอิสระ ได้คะแนนเสียงร้อยละ 9.9 และ 1.5 ตามลำดับ การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งร้อยละ 62.9 จากผู้มีสิทธิ
ลงคะแนนเสียง เลือกตั้งจำนวนประมาณ 211,000 คน
5. การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์คนใหม่ เดือนกันยายน 2547
เมื่อกลางเดือนกันยายน 2547 นาย Halldor Asgrimsson รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไอซ์แลนด์ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ สืบแทนนาย David Oddsson นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สลับไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและการสลับตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าว ก็เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลผสมให้เข้มแข็งและมั่นคงมากขึ้น เนื่องจากในช่วงปี 2547 คะแนนความนิยมของประชาชนในตัว นาย David Oddsson ได้ลดลง
การเมืองระหว่างประเทศ ไอซ์แลนด์เป็นสมาชิกของสมาคมการค้าเสรี แห่งยุโรป (European Free Trade Association - EFTA) ซึ่งมีสมาชิกประกอบด้วย นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และสวิตเซอร์แลนด์ โดยนอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และ ลิกเตนสไตน์ได้เจรจากับสหภาพยุโรป (European Union - EU) เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Area - EEA) ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2537(ค.ศ. 1994) โดยไอซ์แลนด์เห็นว่า เขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) จะเป็นประโยชน์กับไอซ์แลนด์ในฐานะที่เป็นประเทศผู้ส่งออกมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดหลักการพื้นฐานของการจัดตั้ง EEA ที่จะให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการเงินทุน และประชากรโดยเสรีจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของไอซ์แลนด์ไปยังสหภาพยุโรป ทั้งการเข้าร่วมเจรจาจะช่วยให้ไอซ์แลนด์ในฐานะประเทศเล็กจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในระดับพหุภาคี (multi-national level) ที่จะมีส่วนช่วยเกื้อกูลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ปัจจัยหนึ่งที่ไอซ์แลนด์จำเป็นจะต้องหาทางเจรจากับสหภาพยุโรป คือ เพื่อรักษาสถานะของการส่งออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปลาไว้ เนื่องจากขณะนี้ความตกลงการค้าพิเศษที่ไอซ์แลนด์ทำไว้กับสหภาพยุโรป เมื่อปี 2535 (ค.ศ. 1992) เพื่อผ่อนคลายการจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเล โดยเฉพาะปลาเค็ม ไม่ได้สนองประโยชน์ต่อการส่งออกของไอซ์แลนด์ไปยังสหภาพยุโรปได้เช่นเดิม การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) จึงเป็นลู่ทางหนึ่งในการขยายการส่งออกผลผลิตด้านการประมงของไอซ์แลนด์ไปยังสหภาพยุโรป อย่างไรก็ดี ไอซ์แลนด์ยังไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในระยะอันใกล้ ด้วยเหตุผลที่สำคัญ คือ ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกปลา และผลิตภัณฑ์อาหารทะเลเป็นสำคัญ ซึ่งเมื่อไอซ์แลนด์เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้ว ไอซ์แลนด์อาจจะต้องเสียผลประโยชน์ทั้งด้านการประมงและเกษตรกรรมด้านอื่น ๆ สำหรับความร่วมมือของไอซ์แลนด์ในระดับภูมิภาคยุโรป ไอซ์แลนด์เป็นสมาชิกในองค์กรสำคัญๆ เช่น กลุ่มนอร์ดิก (Nordic) ซึ่งประกอบด้วยเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน คณะมนตรีแห่งยุโรป (Council of Europe)องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Cooperation in Europe - OSCE) องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization - NATO) นอกจากนี้ ในด้านเศรษฐกิจ ไอซ์แลนด์ยัง มีความตกลงการค้าพิเศษกับสหภาพยุโรป
ประวัติย่อบุคคลสำคัญทางการเมืองของไอซ์แลนด์
1. ประธานาธิบดี (ประมุขของรัฐ)
นาย Olafur Ragnar Grimsson เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2486 (ค.ศ.1943) เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี 2536 (ค.ศ.1996) จบการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขารัฐศาสตร์ ก่อนหน้านี้ เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญๆ เช่น สมาชิกรัฐสภาไอซ์แลนด์ตั้งแต่ปี 2517 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระหว่างปี 2531-2534 เป็นต้น
2. นายกรัฐมนตรี (ผู้นำรัฐบาล)
นาย Halldor Asgrimsson เกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2490 (ค.ศ.1947) เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยแรกเมื่อเดือนกันยายน 2547 ก่อนหน้านี้ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไอซ์แลนด์ ระหว่างปี 2538 (ค.ศ.1995) - เดือนกันยายน 2547 และเป็นสมาชิกรัฐสภาไอซ์แลนด์ตั้งแต่ปี 2517 (ค.ศ.1974) นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รัฐมนตรีดูแลกิจการประมง ปี 2526-2534 (ค.ศ.1983-1991) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปี 2531 2532 (ค.ศ.1988-1989) และปัจจุบันเป็นหัวน้าพรรค Progressive
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
นาย David Oddsson เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2491 (ค.ศ.1948) ที่กรุง Reykjavik เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นสมัยแรกเมื่อเดือนกันยายน 2547 ก่อนหน้านี้ เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 สมัย ระหว่างเดือนเมษายน 2534 (ค.ศ.1991) เดือนกันยายน 2547 และเป็นสมาชิกรัฐสภาไอซ์แลนด์ตั้งแต่ปี 2534 (ค.ศ.1991) นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุง Reykjavik ระหว่างปี 2525-2534 (ค.ศ.1982-1991) ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรค Independence ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
สภาวะทางเศรษฐกิจ ไอซ์แลนด์มีระดับมาตรฐานการครองชีพที่นับว่าสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลกแหล่งรายได้ที่สำคัญของไอซ์แลนด์ คือ การประมงซึ่งทำรายได้เข้าประเทศถึง 2 ใน 3 จากรายได้ที่ได้รับจากการส่งออกทั้งหมด โดยประเทศที่เป็นเป้าหมายส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเดนมาร์ก และประเทศที่นำเข้าสินค้าจากไอซ์แลนด์ที่สำคัญ อาทิ เยอรมนี นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก เป็นต้น ระบบเศรษฐกิจของไอซ์แลนด์จึงขึ้นอยู่กับการค้าระหว่างประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงราคาของการซื้อขายปลาระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ไอซ์แลนด์มีนโยบายสนับสนุนการส่งออกกระแสไฟฟ้าพลังน้ำและที่ได้รับความร้อนจากใต้ดิน (Geothermal and hydro power) ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะเป็นแหล่งที่มาของรายได้เข้าประเทศที่สำคัญอีกสาขาหนึ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ |
ความสัมพันธ์ทางการทูต ไอซ์แลนด์กับไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2518 (ค.ศ. 1975) โดยที่ประเทศทั้งสองยังไม่ได้จัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตซึ่งกันและกัน ฝ่ายไทยได้มอบหมายให้ไอซ์แลนด์อยู่ในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน และเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำไอซ์แลนด์อีกตำแหน่ง โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโคเปนเฮเกน สำหรับไอซ์แลนด์ได้แต่งตั้งให้นาย Olafur Egilsson เอกอัครราชทูต ไอซ์แลนด์ ถิ่นพำนัก ณ กรุงเรคยาวิก ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไอซ์แลนด์ประจำประเทศไทย
สำหรับงานด้านกงสุล รัฐบาลไอซ์แลนด์แต่งตั้งนายชำนาญ วีรวรรณ เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไอซ์แลนด์ประจำประเทศไทย และนาย Poul Weber เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ฯ ตั้งแต่ปี 2540 สถานที่อยู่ The Consulate General of Iceland, 2nd Floor Sivadon Building,Bangrak, Bangkok 10500, Tel. 0-2289-1121-5 Fax 0-2688-2690และรัฐบาลไทยได้แต่งตั้งนาย Kjartan Borg เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำประเทศไอซ์แลนด์
ปัจจุบันนายอดิศักดิ์ ภาณุพงศ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคเปนเฮเกน เป็น เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก สถานที่อยู่ Royal Thai Embassy, Norgesmindevej 18, 2900 Hellerup, Copenhagen, Denmark
Tel 45-39625010 Fax 45-39625059
ความสัมพันธ์ด้านการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ไอซ์แลนด์ดำเนินไปด้วยความราบรื่นทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี ไทยและไอซ์แลนด์มีความเห็นสอดคล้องและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในกรอบการดำเนินงานในองค์การระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสนับสนุนของไอซ์แลนด์ต่อผู้สมัครของไทยในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ เช่น การสมัครเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก(WTO) ของฯพณฯ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ในขณะนั้น)
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ 1. การค้าทวิภาคีไทย-ไอซ์แลนด์ ไอซ์แลนด์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 129 ของไทย และเป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA - European Free Trade association) รองจากสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และ ลิกเตนสไตน์ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับไอซ์แลนด์มีมูลค่ารวมน้อยมาก กล่าวคือ ในปี 2546 มีมูลค่า 13.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่า ส่งออก 4.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 8.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้ากับไอซ์แลนด์ 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การส่งออก สินค้าออกสำคัญของไทย คือ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ ตาข่ายจับปลา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เม็ดพลาสติก เครื่องใช้สำหรับเดินทาง รองเท้าและชิ้นส่วน เป็นต้น
สินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกของไทย ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็นและแช่แข็งของเล่น เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เครื่องเทศและสมุนไพร รูปหล่อและเครื่องประดับโลหะสามัญ
การนำเข้า สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ไขมันและน้ำมันสัตว์ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น
ตารางสถิติการค้าระหว่างไทย-ไอซ์แลนด์ <ีีีu>ดังเอกสารแนบ
2. ปัญหาและอุปสรรคการค้าทวิภาคีไทย-ไอซ์แลนด์ 2.1 ผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ตลาดไอซ์แลนด์มากนัก
เนื่องจากเห็นว่า เป็นตลาดขนาดเล็ก และยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับตลาดไอซ์แลนด์ในด้านต่างๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่จะทำการซื้อขายระหว่างกัน การกำหนดราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดช่องทางการจัดจำหน่ายของสินค้าและการส่งเสริมการขาย
2.2 ด้านการขนส่ง เส้นทางการขนส่งที่มีระยะทางห่างไกลก่อให้เกิดต้นทุนสินค้าที่สูงการขนส่งทางอากาศที่ยังมีอัตราระวางที่สูง
(ที่มา : กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ)
การท่องเที่ยว ประชาชนทั้งสองประเทศยังไปมาหาสู่ในรูปของการท่องเที่ยวไม่มากนัก เนื่องจากห่างไกลกันมาก การคมนาคมไม่สะดวก และไอซ์แลนด์ก็ไม่มีประเทศเพื่อนบ้านที่จะช่วยให้เป็นปัจจัยในการเดินทางไปท่องเที่ยว ปริมาณนักท่องเที่ยวจากไอซ์แลนด์มาประเทศไทยมีมากกว่าที่นักท่องเที่ยวจากไทยไปไอซ์แลนด์
สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวชาวไอซ์แลนด์ ปรากฏว่า ชาวไอซ์แลนด์เดินทางมาไทย ปี 2538 (ค.ศ. 1995) ประมาณ 1,194 คน ปี 2544 (ค.ศ. 2001) ประมาณ 1,056 คน และปี 2545 (ค.ศ. 2002) ประมาณ 1,328 คน การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยกระทำผ่านหน่วยราชการไทยและสำนักงานของบริษัทการบินไทยในทวีปยุโรป และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยในกรุงเรคยาวิก
(ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
ภาพลักษณ์ไทย ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับไอซ์แลนด์อยู่ในระดับดีไอซ์แลนด์ให้ความสนใจและรู้จักประเทศไทยผ่านทางการรายงานข่าวระหว่างประเทศทั้งทางสื่อมวลชน โทรทัศน์ และการติดต่อระหว่างภาครัฐและเอกชน ภาพลักษณ์ของไทยส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจสูงและเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีบทบาทสำคัญทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาค เป็นสมาชิกชั้นนำในอาเซียน เอเปค (APEC) และการประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) และเป็นประเทศเก่าแก่ที่มีวัฒนธรรมและเป็นแหล่งท่องเที่ยว ในด้านปัญหาของภาพลักษณ์นั้น จะอยู่ในการรายงานข่าวในประเด็นปัญหาเรื่องโสเภณีและโสเภณีเด็ก ยาเสพติด เป็นต้น ทั้งนี้ มีคนไทยอาศัยอยู่ในไอซ์แลนด์ประมาณ 751คน