Hallgrímskirkja โบสถ์สูง จุดชมวิวเมืองเรกยาวิก
Hallgrímskirkja นับว่าเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ เป็น จุดที่สูงอีกจุดหนึ่งของเมืองที่เมื่อขึ้นไปด้านบนจะมองเห็นทัศนียภาพของเรกยาวิก โดยรอบโบสถ์ดังกล่าวมีความสำคัญในฐานะเป็นศาสนสถานที่สำคัญ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ รวมทั้งเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญของไอซ์แลนด์ โบสถ์แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างดีประมาณว่าเมื่อมาถึงไอซ์แลนด์ มีหรือจะไปไม่ถึง(โบสถ์สูง)
โบสถ์สูง Hallgrímskirkja ภาพฮาลล์ที่โบสถ์ Akureyri ตึก Smáratorg tower
โบสถ์ Hallgrímskirkja นี้มีความสูง 74.5 เมตร สูงเป็นอันดับ 4 ในประเทศไอซ์แลนด์รองจากสถานีวิทยุ 2 แห่งและอาคารสเมาราท็อก( Smáratorg tower) ตึกสูงที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ สูง 77.6 เมตร มี 20 ชั้น ที่คำนวนง่าย ๆ ก็สูงพอ ๆ กับภูเขาทอง วัดสระเกศ ที่กรุงเทพของเรา จากฐานสูงประมาณ 79 เมตร
โบสถ์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระในศาสนาคริสต์ที่ชื่อฮาลล์กริมูร์(Hallgrímur Pétursson) ที่เป็นทั้งนักกวี นักประพันธ์ ผลงานที่มีชื่อและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีของชาวไอซ์แลนด์ คือ Passion Hymns ที่ถูกนำดัดแปลงเป็นบทเพลง บทสวดในวิถีชีวิตทางศาสนาของชาวไอซ์แลนด์ ฮาลล์กริมูร์มีอายุอยู่ระหว่าง พ.ศ.2157-2217 ถ้านับช่วงเวลาของไทยก็ต้องบอกว่าเป็นบุคคลร่วมสมัยกับสมเด็จพระนารายมหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.2199-2231) โบสถ์มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า Hallgrímskirkja ที่แปลได้ความว่า โบสถ์ของฮาลล์กริมูร์
โบสถ์ Grundtvig's Church ที่โคเปเฮเกน โบถส์สูงของไอซ์แลนด์สูงพอ ๆ กับภูเขาทอง
นายกุดโยน (Guðjón Samúelsson) เป็นสถาปนิกที่ออกแบบตึกนี้ไว้ใน เป็นสถาปัตยกรรมแนวอิมพราสชั่นนิสท์(Impressionist) คล้ายกับโบสถ์ Grundtvig's Church ที่โคเปเฮเกน เดนมาร์ก และใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะได้สร้าง รวมเวลาการก่อสร้าง 38 ปี คือตั้งแต่ปีเริ่มสร้าง ค.ศ. 1945 จนกระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1986 ถ้าภาษาไทยต้องบอกว่า โอ้โห นานจัง คงเหมือนวลีอมตะกระมัง กรุงโรม ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว คงจริงอะไรที่ยิ่งใหญ่เป็นเอกลักษณ์ของชาตินั้น ๆ ก็ต้องใช้เวลา แรงงาน และทรัพย์ รวมทั้งศรัทธาต่อสิ่งนั้น ๆ เหมือนปิรามิดของชาวอียิปต์ กำแพงเมืองจีน หลายชั่วอายุคน ทัชมาฮาล ของอินเดีย นครวัต นครธม ของชาวกัมพูชาเพื่อนบ้านเรา ปิรามิดของชาวมายัน แม็กซิโก พระราชวังแวร์ซาย ของฝรั่งเศส หอเอนปิซ่า ที่อิตาลี อันสุดท้ายใช้เวลาในการสร้างถึง 127 ปี ที่ชนิดตายกันไปไม่รู้กี่รุ่นยังสร้างไม่เสร็จ โบสถ์ระดับประเทศไอซ์แลนด์จะสร้างวันสองวันเดี๋ยวจะไม่ขลังและอมตะมั้ง เลยต้องสร้างนาน ๆ
รูปปั้น Leif หน้าโบสถ์ รูปปั้นที่ศาลาเมืองมินิสโซตา สหรัฐ
ด้านหน้าของโบสถ์มีอนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน(Leifr Eiriksson) ยืนตระหง่านสวมหมวก มีผ้าคลุมลักษณะพริ้วสะบัด ถือขวานขนาดใหญ่ และอีกมือถือหนังสือแนบไว้กับอก เป็นสัญลักษณ์ของการผจญภัย ในประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์ถือวาเลฟร์ เป็นชาวนอสร์ ชาติยุโรป คนแรกที่ไป เหยียบ ดินแดนแถบอเมริกาเหนือซึ่งรวมถึงกรีนแลนด์ด้วย โดยอนุสาวรีย์ดังกล่าวสหรัฐอเมริกามอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1 พันปี รัฐสภา Althing ของไอซ์แลนด์
รูปปั้นของเลฟร์ อีริกสัน ยังตั้งอยู่ที่หน้าศาลาวาการเมืองมินิสโซต้า (Saint_Paul Minnesota) สหรัฐอเมริกาอีกด้วย รัฐสภาอเมริกากำหนดให้วันที่ 9 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันของเลฟ เรียกว่า Leif Eiriksson Day มีความสำคัญในฐานะเป็นผู้บุกเบิกดินของทางอเมริกาเหนือและนำคนเข้าไปบุกเบิกตั้งถิ่นฐาน
รูปปั้นทั้งที่ไอซ์แลนด์และมินิสโซต้า ไม่ใช่มายืนเล่นโก้ ๆ นะนั่น หมายความว่ามีที่มาที่ไป แขกผู้มายืนจะมายืนถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกไปฝากคนที่อยากมาไอซ์แลนด์ต่อไป
แหล่งที่มาของข้อมูล http://en.wikipedia.org/wiki/Hallgr%C3%ADmskirkja