ReadyPlanet.com


วัดเลขธรรมกิตติ์ ลอดซุ้ม "โบสถ์ปรกโพธิ์" ประตูกาลเวลาสู่ความโชคดี เสริมมงคลชีวิต


   วัดเลขธรรมกิตติ์ ลอดซุ้ม "โบสถ์ปรกโพธิ์" ประตูกาลเวลาสู่ความโชคดี เสริมมงคลชีวิต

 

ลอดซุ้ม “โบสถ์ปรกโพธิ์” ณ วัดเลขธรรมกิตติ์ ประตูกาลเวลาสู่ความโชคดี

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สร้างแรงดลใจให้ผู้คนได้อธิษฐานขอพรเสริมสิริมงคลเพิ่มพลังชีวิต เช่นเดียวกับ “วัดเลขธรรมกิตติ์” วัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีที่ซ่อนตัวอยู่ใน ตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก แม้พระอุโบสถเดิมเหลือปรักหักพังไปมากปรากฏเพียงผนังบานหน้าต่าง แต่ปรกโพธิ์หรือรากต้นโพธิ์ที่ปกคลุมอยู่ด้านบนยังคงห่อหุ้มความศรัทธาได้ถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะบริเวณประตูทางเข้าโบสถ์ปรกโพธิ์ หรือพระอุโบสถหลังเก่า เชื่อกันว่าเป็น “ประตูกาลเวลาที่นำไปสู่ความโชคดี ผู้ที่ลอดใต้ปรกโพธิ์นี้แล้วขออธิษฐานจะสมหวังและประสบความสำเร็จ

ประวัติวัดเลขธรรมกิตติ์

จากคำบอกเล่าของพระสงฆ์ภายในวัดและเอกสารที่สืบค้นได้กล่าวถึงประวัติของวัดแห่งนี้ว่า วัดเลขธรรมกิตติ์ ออกเสียงว่า วัด-เล-ขะ-ธัม-มะ-กิด หมายถึง "วัดที่มีเกียรติด้วยธรรมอันจารึกไว้แล้ว" ชื่อนี้เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ราวปี พ.ศ. 2490 โดยพระครูสัทธาภินันท์ หรือ หลวงปู่เผื่อน (ฐิติญาณเถร) เจ้าอาวาสในเวลานั้น

ก่อนมุ่งหมายฟื้นศรัทธาด้วยชื่อใหม่ วัดเลขธรรมกิตต์มีชื่อเดิมว่า “วัดบางอ้อนอก” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. 2170-2199) เป็นวัดที่ชุมชนตำบลบางอ้อตั้งอยู่แม่น้ำนครนายก ซึ่งอีกฝั่งของแม่น้ำมีวัดชื่อคล้ายกันคือ “วัดบางอ้อใน” ขณะที่วัดเก่าชำรุดทรุดโทรมไปตามกาล เมื่อถึงยุครัตนโกสินทร์ได้ฟื้นฟูศาสนาสถาน จึงมาการบูรณะปฏิสังขรโบสถ์วิหารและได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ. 2413

ต่อมาในปี พ.ศ. 2418 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสจังหวัดนครนายก โดยเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคจากพระราชวังบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปนมัสการพระธาตุเกศแก้วจุฬามณีบนเขาพนมรุ้ง ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำปราจีนบุรี และไปทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดนครนายกหลายแห่ง ในระหว่างนั้น พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาประทับเพื่อเสวยพระกระยาหารที่วัดบางอ้อนอกแห่งนี้ด้วย

พระองค์ทรงบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา ความว่า

"...วันที่ 28 ไปเสวยพระกระยาหารที่วัดบางอ้อนอก ตำบลบางอ้อ มีพระสงฆ์ถึง 300 รูป ชาวบ้านมาเฝ้ามาก ถวายดอกไม้ธูปเทียน ข้าพเจ้าได้บริจาคเงิน 200 รูป..."

การเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่งผลให้วัดบางอ้อนอก หรือวัดเลขธรรมกิตติ์ ในปัจจุบันกลายเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดนครนายก

ตำนานพระอุโบสถปรกโพธิ์

วัดเลขธรรมกิตติ์ ริมแม่น้ำนครนายก ประกอบด้วยหลายจุดที่น่าสนใจทั้ง ศาลาลายไม้วิหารหลวงปู่เผื่อน อุโบสถหลังปัจจุบัน ศาลาไอ้ไข่ แต่จุดที่ผู้มาเยือนให้ความสนใจอย่างมากคือ อุโบสถปรกโพธิ์ หรือ อุโบสถหลังเก่าประตูกาลเวลา เรียกเช่นนี้เพราะเชื่อกันว่าเป็น “ประตูกาลเวลาที่นำไปสู่ความโชคดี” ผู้ที่ลอดใต้ปรกโพธิ์นี้แล้วขออธิษฐานจะสมหวังและประสบความสำเร็จ ไม่ทราบปีสร้างที่แน่ชัดแต่มีข้อสันนิษฐานว่ามีอายุกว่า 150 ปี แล้ว

แม้หลงเหลือเพียงผนังบานหน้าต่างบางส่วน กำเพงแก้ว และซุ้มประตูของอุโบสถจนมองไม่เห็นภาพความงดงามในอดีต แต่มีผู้เล่าว่า พระอุโบสถหลังนี้สร้างสมัยที่ หลวงปู่นุช เป็นเจ้าอาวาส คาดว่าเป็นช่วงปีก่อนล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เสด็จแวะพักที่วัด ในความทรงจำของผู้บอกเล่าจำได้ว่า เมื่อครั้งที่พระอุโบสถยังดีที่ซุ้มประตูกำแพงแก้วมีลายปั้นปูน มีข้อความว่า ร.ศ. ๑๒๗ ซึ่งตรงกับปีที่เสด็จ เคยมีพระบางรูปเข้าไปท่องหนังสือในอุโบสถนี้แล้วเผลอหลับไปฝันเห็นสาวสวยห่มผ้าสไบอยู่ในโบสถ์

 

ส่วนผู้สร้างโบสถ์หลังนี้มีหลายคน ที่พอระบุได้คือ ปู่เผือกและย่าลำพู ซึ่งเป็นคฤหบดีและคหปตานีในตำบลนี้ เล่ากันว่าเมื่อครั้งฝังลูกนิมิตรย่าลำพูมีศรัทธามากถึงกับถอดสร้อยคอสร้อยข้อมือและแหวนบรรจุในหลุมนิมิต ส่วนช่างที่ก่อสร้างเป็นคนจีนชื่อ เจ๊กลิ้ม มาจากอยุธยา ซึ่งน่าจะเป็นไปได้เพราะรูปทรงลวดลายของพระอุโบสถหลังเดิมเป็นศิลปะผสมไทยจีนที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 5 แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า พระอุโบสถหลังเดิมนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่อ่อนเป็นดินเลน ประกอบกับฐานที่ตั้งพระประธานเดิมโดยทำเป็นฐานสี่เหลี่ยมก็ชำรุดอย่างมาก ปี พ.ศ. 2506 จึงอัญเชิญพระประธานย้ายไปประดิษฐานที่อุโบสถหลังใหม่ถึงปัจจุบัน โดยมี พระครูปลัดไพรัตน์ ปภากโร เป็นเจ้าอาวาส

ลอดซุ้มประตูปรกโพธิ์เสริมมงคล

ปัจจุบันพระอุโบสถหลังเก่าจึงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ร่มรื่นด้วยรุกโขต้นโพธิ์ที่ปรกกำแพงและซุ้มประตูจนดูเข้มขลัง ผนังปรกโพธิ์ดูคล้ายช้างเชือกใหญ่ ขณะซุ้มประตูทางเข้าก็เป็นซุ้มปรกโพธิ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งแม้ซุ้มประตูจะเคยโค่นล้มจากฝนพายุที่กระหน่ำมาเป็นระยะ แต่ทางวัดและชาวบ้านก็พยายามรักษาให้ยังคงอยู่ ด้วยเชื่อกันว่าเป็น “ประตูกาลเวลาที่นำไปสู่ความโชคดี” ผู้ที่ลอดใต้ปรกโพธิ์นี้แล้วขออธิษฐานจะสมหวังและประสบความสำเร็จ

วิธีอธิษฐาน ขอพร

เสริมสิริมงคลโดยก้มศีรษะลอดใต้ซุ้มประตูปรกโพธิ์ ใช้มือแตะสัมผัสประตูเหนือศีรษะแล้วอธิษฐานขอพรเรื่องสุขภาพและหน้าที่การงาน ความสำเร็จ ทั้งต่อตนเองและครอบครัว จากนั้นจึงเข้าไปสักการะพระพุทธรูป รอยพระพุทธบาทจำลอง และและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านในอุโบสถ ตั้งมั่นอธิษฐานเพื่อความสุขและความโชคดีในชีวิต

อย่างไรก็ตาม วัดเลขธรรมกิตติ์ ยังแฝงคติธรรมผ่านพระอุโบสถที่เสื่อมสลายไปตามเวลาแก่ญาติโยมที่มาเยือนวัดแห่งนี้ด้วยว่า “อย่าปล่อยให้กาลเวลาล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์”



ผู้ตั้งกระทู้ qwe :: วันที่ลงประกาศ 2023-10-05 11:14:49 IP : 103.240.241.77


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.